บล็อก

ประจำเดือนผิดปกติ

หมวดหมู่: ปัญหานรีเวช
tab-image

ประจำเดือนผิดปกติ (Abnormal Uterine Bleeding)

            ก่อนที่จะเข้าใจว่าประจำเดือนผิดปกติเป็นอย่างไรก็จำเป็นจะต้องเข้าใจว่าประจำเดือนปกติคืออย่างไรอาจสามารถอธิบายลักษณะการมีประจำเดือนที่ปกติประกอบด้วย 

            1 ความห่างของรอบประจำเดือนซึ่งมักจะมีช่วงห่างประมาณ 21 ถึง 35 วัน 

            2 ระยะเวลาที่มีประจำเดือนปกติจะอยู่ประมาณ 3-5 วันแต่ไม่เกิน 7 วัน

            3 ปริมาณประจำเดือนที่มาในแต่ละครั้งไม่ควรเกิน 80 cc ซึ่งในทางปฏิบัติคงไม่มีใครมาวัดแต่อาจสังเกตได้โดยลักษณะเลือดที่ติดผ้าอนามัยหากใช้ผ้าอนามัยไม่เกิน 3 ผืนต่อวันและไม่ชุ่มถือว่าประจำเดือนมาปริมาณปกติ

            ลักษณะประจำเดือนผิดปกติมักจะสังเกตได้จากรอบเดือนไม่สม่ำเสมอเช่นบางเดือนห่างบางเดือนที  ประการที่ 2 คือประจำเดือนมาเกิน 7 วันและประการที่ 3 คือปริมาณเลือดที่มามากจนมีอาการเวียนศีรษะหน้ามืดเป็นลิ่มเลือดหรือหากมาน้อยก็เป็นจุดมาแค่ 1-2 วันแทบไม่ใช้ผ้าอนามัย

            การควบคุมการมีประจำเดือนเป็นกลไกที่น่าพิศวงสลับซับซ้อน เป็นการควบคุมที่เกิดจากสมองส่วนHypothalamus ส่งสารสื่อประสาทมาควบคุมต่อมใต้สมองPituitary gland จากนั้นจึงส่งฮอร์โมนมากระตุ้นการทำงานของรังไข่ และตัวรังไข่ก็สร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนไปกระตุ้นการหนาตัวของเยื่อบุโพรงมดลูกทำให้เกิดการมีประจำเดือนเป็นรอบๆดังที่สตรีทุกคนมีประสบการณ์อยู่ทุกเดือน อาการควบคุมของสมองต่อมใต้สมองรังไข่หรือตัวมดลูกผิดปกติไปก็จะทำให้เกิดความผิดปกติของประจำเดือน

            สาเหตุของประจำเดือนผิดปกติ แบ่งออกเป็นแบบเป็นแต่กำเนิดPrimaryเรื่องความพันธุกรรมหรือการพัฒนาการ และ และเป็นตอนโต Secondary

            หากเป็นแต่กำเนิดเข้าได้แก่กลุ่มเด็กที่จะต้องมีประจำเดือนตั้งแต่อายุ 11 ปีโดยเฉลี่ยซึ่งในช่วง 1-2 ปีแรกประจำเดือนอาจจะมากะปริบกะปรอยไม่สม่ำเสมอเป็นเรื่องปกติแต่หลังจากนั้นจะต้องมาปกติตรงเวลาสาเหตุที่พบบ่อยได้แก่ 1 เนื้องอกติ่งเนื้อ  2 ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด 3 การติดเชื้อ 4อุบัติเหตุการฉีกขาด  5ความผิดปกติของกลไกการควบคุมของสมองต่อมใต้สมองและรังไข่ 6 ผลจากการใช้ยาฮอร์โมนต่างๆ

            การรักษาพยาบาลคงต้องเริ่มด้วยการตรวจร่างกายโดยละเอียด ตรวจภายใน อัลตร้าซาวด์ระบบมดลูกรังไข่ทางเดินปัสสาวะ การเจาะเลือดหาความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด และเช็คมะเร็งปากมดลูกรวมทั้งเชื้อไวรัส hpv และรักษาตามสาเหตุนั้นๆในกรณีหาสาเหตุไม่ได้ในชั้นต้นสูตินารีแพทย์อาจรอให้ยาปรับประจำเดือนรับประทานกลุ่มโปรเจสเตอโรนแต่ไม่ถือเป็นการรักษาที่สิ้นสุด

18 กันยายน 2567

ผู้ชม 13 ครั้ง

Engine by shopup.com